ในสมัยแรก ๆ
อินเทอร์เน็ตได้ถูกใช้ในหมู่นักวิจัย เท่านั้น
การใช้งานค่อนข้างยากต้องพิมพ์คำสั่งยาว ๆ ไม่มีรูปภาพสวยงามเหมือนในปัจจุบัน
บริการที่นิยมใช้กันในสมัยนั้นได้แก่ จดหมายอิเล็กทรอนิคส์ (E-mail) แหล่งพูดคุย (IRC,USENET) การเข้าใช้เครื่องที่อยู่ระยะไกล
(Telnet) การใช้ส่งไฟล์ระหว่างหน่วยงานรัฐ บริษัท
มหาวิทยาลัย (FTP และ Gopher)
อินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่มีรูปภาพสวยงาม และใช้งานง่าย ได้ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2534 บริการแรกที่ถูกเปลี่ยนมาใช้ในแบบ WWW (World Wide Web) จึงได้กลายมาเป็นบริการหลักของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet)
คือ
เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน
ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าไซเบอร์สเปซ (Cyber space)
คำเต็มของอินเทอร์เน็ตคือ “อินเทอร์เน็ตเวิร์คกิ้ง”
(Internetworking) ต่อมานิยมเรียกสั้น ๆ ว่า อินเทอร์เน็ต หรือ เน็ต
การที่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายข่าวสารข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้
โดยไม่จำกัดระยะทางสามารถส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ ทั้งข้อความตัวหนังสือ
ภาพและเสียง โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมเครือข่าย รวมทั้งวิเคราะห์
และศึกษาค้นคว้าข้อมูลเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเหมือนอีเลิร์นนิ่ง
ที่สามารถศึกษาค้นคว้าในแต่ละที่ แต่ละประเทศได้ง่าย
บริการต่าง
ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนชุมชนแห่งใหม่ของโลก
เป็นชุมชนของคนทั่วทุกมุมโลก จึงมีบริการต่าง ๆ เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา
ในที่นี้จะกล่าวถึงประโยชน์หลัก ๆ ดังนี้
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
(Electronic mail/ E-Mail)
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
หรือ E-mail เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ
ซึ่งเป็นที่อยู่ในรูปแบบของอีเมล เมื่อผู้ส่งเขียนจดหมายขึ้นมา 1 ฉบับ แล้วส่งไปยังที่อยู่นั้น ผู้รับจะได้รับจดหมายนั้นภายในเวลาไม่กี่วินาที
แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตาม
นอกจากนี้ยังสามารถส่งฟ้าข้อมูลหรอไฟล์แนบไปกับอีเมลด้วย
การขอเข้าระบบจากระยะไกล
หรือ เทลเน็ต (Telnet)
เป็นบริการอินเทอร์เน็ตรูปแบบหนึ่ง
โดยที่สามารุเข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง
เช่น ถ้าอยู่ที่โรงเรียน ทำงานโดยใช้อินเทอร์เน็ตของโรงเรียนแล้วกลับไปที่บ้าน
มีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน และต่ออินเทอร์เน็ตไว้
สามารถเรียกข้อมูลจากที่โรงเรียนมาทำที่บ้านได้เสมือนกับทำงานที่โรงเรียนนั่นเอง
การโอนถ่ายข้อมูล
(File Transfer Protocol หรือ FTP
)
เป็นบริการอีกรูปแบบหนึ่งของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
สามารถค้นหา และเรียกข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์
ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพ และเสียง
การสืบค้นข้อมูล (Gopher, Archie, World Wide Web)
การสืบค้นข้อมูล
หมายถึง การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย
แล้วช่วยจัดเรียงข้อมูลข่าวสารตามหัวข้ออย่างมีระบบ เป็นเมนู
ทำให้หาข้อมูลได้ง่ายหรือสะดวกขึ้น
การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น
(Usenet)
เป็นการให้บริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก
สามารถพบปะกัน แสดงความคิดเห็น โดยมีการจัดการผู้ใช้เป็นกลุ่มข่าว หรือ นิวส์กรุ๊ป
(Newsgroup) แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นหัวข้อต่าง ๆ เช่น
เรื่องหนังสือเรื่องการเลี้ยงสัตว์ ต้นไม้ คอมพิวเตอร์ และการเมือง เป็นต้น
ปัจจุบันมี Usenet มากกว่า 15000 กลุ่ม
นับเป็นเวทีขนาดใหญ่ให้ทุกคนจากทั่วมุมโลกแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
การสื่อสารด้วยข้อความ
(Chat, IRC-Internet Relay Chat)
เป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
โดยพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง
การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนผู้สนทนากำลังนั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน
แต่ละคนก็พิมพ์ข้อความโต้ตอบกันไปมาได้ในเวลาเดียวกันแม้จะอยู่คนละประเภทหรือคนละซีกโลกก็ตาม
การซื้อขายสินค้าและบริการ
(Electronic Commerce/ E-Commerce)
เป็นการจับจ่ายซื้อ-ขายสินค้าและบริการ เช่น ขายหนังสือ คอมพิวเตอร์ การท่องเที่ยว ฯลฯ
ปัจจุบันมีบริษัทนับหมื่นบริษัทใช้อินเทอร์เน็ตในการทำธุรกิจและให้บริการลูกค้าตลอด
24 ชม. ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่ที่น่าสนใจ
และกำลังได้รับความนิยมในเรื่องของความสะดวกและเปิดให้ทุกคนเข้ามาทำธุรกิจได้โดยใช้ทุนไม่มากนัก
การให้ความบันเทิง
(Entertainment)
ในอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงในรูปแบบต่าง
ๆ เช่น เกมส์ เพลง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เป็นต้น
สามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
และจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกทั้งจากประเทศไทย อเมริกา ยุโรป และ ออสเตรเลีย
เป็นต้น
การเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การที่จะเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้นั้น
จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้
คอมพิวเตอร์
(Computer)
ผู้ที่ต้องการจะใช้อินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อต่อเชื่อมกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเลือกคอมพิวเตอร์มาใช้สำหรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น
สามารถเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทุกรุ่นทุกระบบไม่ว่าจะเป็นเครื่อง IBM PC
หรือเครื่องยี่ห้ออื่น ๆ รวมทั้ง Macintosh และ Notebook รุ่นต่าง ๆ โดยมีข้อความกำหนดว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้จะต้องใช้ซีพียู (CPU: Central Processing Unit) รุ่น 80486 ขึ้นไปสำหรับเครื่องประเภทพีซี (PC)
และ System 7 สำหรับเครื่องประเภท Macintosh
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ที่นิยมต่อกับอินเทอร์เน็ตกว่า 80% เป็นเครื่องประเภทพีซี (PC) หน่วยความจำแบบ RAM
4MB ขึ้นไป แต่ถ้าต้องการใช้งานแบบกราฟิก ควรใช้หน่วยความจำแบบ RAM
8 MB ขึ้นไป ระบบปฏิบัติการ Windows xp ขึ้นไป
โมเด็ม
(Modem)
เป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์
และแปลงสัญญาณโทรศัพท์ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์โมเด็มที่เหมาะในการใช้งานอินเทอร์เน็ตควรใช้โมเด็มที่มีความเร็วตั้งแต่
28.8 kbps หรือ 33.6 kbps ส่วนถ้าจะให้ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูง
ควรใช้โมเด็ม 56 kbps การรับ-ส่งข้อมูลผ่านทางโมเด็มนั้น
ถ้าโมเด็มกำลังทำการเชื่อมต่อ (Connect) อยู่กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เรียกสถานะช่วงนี้ว่า “ออนไลน์” (Online) แต่ถ้ายังไม่ได้เชื่อมต่อ หรือหยุดการติดต่อเรียกสถานะช่วงนี้ว่า “ออฟไลน์” (Offline)
หมายเลขโทรศัพท์
(Telephone Number)
ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตต้องมีหมายเลขโทรศัพท์ 1 หมายเลข
อาจจะเป็นหมายเลขโทรศัพท์บ้านที่อยู่ก็ได้ ถ้าเป็นองค์กรธุรกิจใหญ่ ๆ
หรือตามสถาบันการศึกษา อาจจะมีหมายเลขโทรศัพท์หลายหมายเลข จะใช้คู่สายก็ได้
แต่การเชื่อมต่ออาจจะทำงานไม่สะดวกนักเพราะมีผู้ใช้งานจำนวนมากถ้าจะให้ดีควรใช้สายตรงจะเหมาะกว่าการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสารโทรศัพท์มีลักษณะเหมือนการที่โทรศัพท์ออกไปยังที่ต่าง
ๆ เพียงแต่ข้อมูลที่ได้รับไม่ใช่เสียงตามสาย หากแต่เป็นข้อมูลตัวอักษร ภาพ
เสียงและอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายจึงเหมือนกับค่าโทรศัพท์บ้านทั่ว ๆ ไป
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
(ISP: Internet Service Provider)
เมื่อได้เตรียมอุปกรณ์ต่าง
ๆ พร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การติดต่อขอใช้บริการอินเทอร์เน็ตกับผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตที่เรียกสั้น
ๆ ว่า ISP (Internet Service
Provider) ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่หลายแห่ง
ทั้งศูนย์คอมพิวเตอร์ของสถาบันการศึกษาและบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์
และ ISP เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อ
เข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
ถ้าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องการข้อมูลอะไรก็สามารถติดต่อผ่าน ISP ได้ตลอด 24 ชม.
การตั้งค่าการเชื่อมต่อข้อมูลจาก
ISP
โดยส่วนมากแล้ว
ISP จะแถมแผ่นซีดีสำหรับปรับแต่งคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแล้ว
ผู้ใช้สามารถศึกษาคู่มือที่แนบมาด้วย แล้วทำตามขั้นตอนเหล่านั้นได้ทันที
ข้อมูลสำหรับการเข้าใช้อินเทอร์เน็ตโดยทั่วไปมีดังนี้
1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
ซึ่งเป็นชื่อของผู้มีสิทธิในการเข้าใช้อินเทอร์เน็ต
2. รหัสผ่าน (Password) เป็นรหัสลับในการเข้าใช้อินเทอร์เน็ตของผู้ใช้
3. เบอร์โทรศัพท์ของโมเด็มด้าน ISP และอื่น ๆ
แล้วแต่ทาง ISP จะกำหนดให้
โครงสร้างการเชื่อมต่อบรอดแบนด์
แบ่งได้ 2 ประเภท
1.
Narrow Brand หรือ Dial up เครือข่าย
ISDN ช่องทางแคบ เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ที่ใช้งานในเวลาการเชื่อมต่อไม่มากนัก ไม่ต้องการเชื่อมต่อตลอดเวลา รูปแบบนี้ในสมัยปัจจุบันไม่ค่อยนิยมสำหรับองค์กร
เพราะจะต้องหมุนโทรศัพท์ (Dial Up)
ผ่านโมเด็มซึ่งความเร็วจะอยู่ที่ 56 Kbps
2.
Broadband เครือข่าย ISDN ช่องทางกว้าง
เป็นเทคโนโลยีการส่งข้อมูลความเร็วสูงผ่านทางเคเบิลโมเด็ม และสายชนิด Digital
Subscriber Line (SDL) ด้วยเทคโนโลยีบรอดแบนด์ทำให้ท่องอินเทอร์เน็ตด้วยประสิทธิภาพสูงสุดในการรับข้อมูลขนาดใหญ่
เช่น การดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ รูปภาพที่มีความละเอียดสูง เล่นเกมส์ออนไลน์ดูหนังฟังเพลงไม่กระตุก
หรือขาดตอน ตัวอย่าง Broad Band ได้แก่ สายเคเบิ้ล DSL
สาย Lead Line แบบไร้สาย เช่น ดาวเทียม หรือ เทคโนโลยี 3G
อัตราความเร็วในการส่งสัญญาณ
-
T1 เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูง
ซึ่งสามารถส่งผ่านข้อมูลได้ในอัตราความเร็ว 1.5 Mbps (Megabytes per second) ได้มาจากการส่งสัญญาณผ่านช่องสัญญาณขนาด 64 Kbps จำนวน 24 ช่องสัญญาณพร้อมกันเป็นกระแสข้อมูลเดียว T3
มีอัตราความเร็วกว่า T1 โดย T3 สามารถส่งข้อมูลได้ในอัตราความเร็ว 45 Mbps
-
Satellite เชื่อมต่อในระบบช่องทางดาวเทียม
-
Digital Subscriber Line (DSL) เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ข้อมูล
ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นสัญญาณอะนาล็อค
โดยให้ข้อมูลแบบดิจิตอลแล้วส่งผ่านไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง
และยินยอมให้ส่งไปยังผู้ใช้สามารถใช้ขนาดแบนด์วิดท์ที่กว้าง
ในขณะที่มีการแบ่งแบนด์วิดท์บางส่วนสำหรับการส่งสัญญาณอะนาล็อค
เพื่อที่จะทำให้สามารถใช้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ในสายเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น